ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน
Breast Lipofilling
การเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม เป็นการปลูกถ่ายไขมัน หรือ “Fat Transfer” โดยการดูดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ เพื่อไปเติมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รูปทรงเหมือนเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด เนินอกนุ่ม อวบอิ่ม เต่งตึง ซึ่งการเสริมหน้าอกด้วยไขมันในปัจจุบันมีมาตรฐานสูง เนื่องจากเป็นไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเต้านมแข็งหรืออักเสบ แก้ปัญหาพังผืดที่เกิดจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มขนาดได้เรื่อย ๆ ถ้ามีไขมันมากพอให้นำมาใช้ได้ หรือใช้กับผู้ที่เคยเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้ว แต่ยังมีจุดบกพร่องเรื่องขอบซิลิโคนบริเวณเนินอก
การฉีดไขมันเสริมหน้าอก ศัลยแพทย์จะประเมินปริมาณไขมันที่ต้องใช้ในการเสริมหน้าอก บริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น สะโพก หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น จากนั้น ก็ทำการดูด และนำไปคัดแยก ให้เหลือแต่เซลล์ไขมันบริสุทธิ์เพื่อนำ กลับมาเติมเต็มหน้าอกให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น นอกจากจะได้ไขมันมาเติมหน้าอกแล้ว ยังได้ลดสัดส่วนบริเวณที่ดูดไขมัน ออกไปด้วย โดยหลังการผ่าตัด หน้าอกอาจดูใหญ่กว่าที่คิด แต่เมื่อหน้าอกเริ่มเข้าที่ ไขมันจะสลายไปประมาณ 40% ถ้าหากไขมันในร่างกายไม่มีคุณภาพมากพอ ก็อาจส่งผลทำให้เซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายไม่ติดได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของแต่ละบุคคลด้วย
ใครที่เหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก?
- คนที่รูปร่างใหญ่ แต่มีหน้าอกค่อนข้างเล็ก และมีไขมันส่วนเกินมากเกินไป อยากลดสัดส่วน
- คนที่อยากให้หน้าอกขนาดใหญ่ ดูอวบอิ่มสวยเป็นธรรมชาติ
- หน้าอกหย่อนคล้อยภายหลังจากการคลอดบุตร
- คนที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก แต่ไม่อยากเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- คนที่มีอายุมากขึ้นอยากนำซิลิโคนออกแต่ยังคงอยากให้หน้าอกเต่งตึงอยู่
- คนที่ได้รับผลกระทบจากโรคที่เกี่ยวกับหน้าอก หน้าอกเล็กลงหรือเปลี่ยนรูป
- คนที่อยากให้อกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นหลังจากผ่านการศัลยกรรมหน้าอกมาแล้ว
- ผู้ที่เคยได้รับรังสีรักษาบริเวณทรวงอกและมีเนื้อเยื่อหรือผิวหนังถูกทำลายจากการฉายแสง
ตัดสินใจไม่ถูก!! ระหว่างฉีดไขมันหน้าอกหรือเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน?
การฉีดไขมันเสริมหน้าอก ศัลยแพทย์จะประเมินปริมาณไขมันที่ต้องใช้ในการเสริมหน้าอก บริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น สะโพก หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น จากนั้นก็ทำการดูดและนำไปคัดแยก ให้เหลือแต่เซลล์ไขมันบริสุทธิ์ เพื่อนำกลับมาเติมเต็มหน้าอกให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น นอกจากจะได้ไขมันมาเติมหน้าอกแล้ว ยังได้ลดสัดส่วนบริเวณที่ดูดไขมันออกไปด้วย โดยหลังการผ่าตัดทันที หน้าอกอาจดูใหญ่กว่าที่คิด แต่เมื่อหน้าเริ่มเข้าที่ ไขมันจะสลายไปประมาณ40% ถ้าหากไขมันในร่างกายไม่มีคุณภาพก็อาจส่งผลทำให้เซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายไม่ติดได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่างของแต่ละบุคคลด้วย
ข้อดีของการเติมไขมันหน้าอก
- หน้าอกนิ่ม สัมผัสเหมือนหน้าอกแท้มากกว่าเสริมซิลิโคน
- ไม่ต้องกังวลเรื่องพังผืด
- แผลจากการเติมไขมันนั้นเล็กมาก เมื่อเทียบกับการเสริมด้วยซิลิโคน
- ระยะพักฟื้นสั้นมาก สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- กำหนดปริมาตรได้ละเอียด เพื่อทำให้เต้านมทั้งสองข้างออกมามีขนาดใกล้เคียงกัน
ข้อสังเกตของการเติมไขมันหน้าอก
- การเติมไขมันอาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการทรงอกไซซ์ใหญ่ หรือไม่เน้นหน้าอกที่เป็นธรรมชาติ หลัง
- เติมไขมันอาจจะมีการยุบตัวลงเมื่อเข้าเดือนที่ 6
- การเสริมหน้าอกด้วย ซิลิโคนเราสามารถเลือกทรงที่เหมาะสมกับปัญหาหน้าอกของเราได้ ซิลิโคนที่ใช้เสริมก็ มีให้เลือกพื้นผิวด้วยกัน 3 แบบด้วยกัน คือ แบบผิวเรียบ ผิวทราย และ ผิวนาโน วิธีที่แพทย์เสริมกันมี 3 ตำแหน่ง คือ การเสริมทางรักแร้ ใต้ราวนม และปานนม
ข้อดีของการเสริมซิลิโคนหน้าอก
- หน้าอกได้รูปทรงและขนาดที่ต้องการ
- ผลลัพธ์ชัดเจน รูปทรงคงตัว ไม่มียุบ อยู่กับเราตลอดชีวิต
- เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีฐานหน้าอกเลย
ข้อสังเกตของการเสริมซิลิโคนหน้าอก
- ซิลิโคนที่นำเข้าร่างกาย หากไม่มีคุณภาพ อาจเกิดปัญหา ซิลิโคนแตก เต้านมแข็ง พังผืดหดรัดได้
- แผลผ่าตัดขึ้นอยู่ขนาดของซิลิโคนที่ใส่เข้าไป
- การเสริมหน้าอกอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นรวม 1 เดือน
จะเห็นว่าเทคนิคและรูปแบบในการผ่าตัดขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดของ เต้านม และความยืดหยุ่นของผิวหนังเรา ว่าสามารถทำการศัลยกรรมประเภทใดได้ โดยรอยแผลผ่าตัดอาจเป็นวงกลมรอบบริเวณวงปานนม หรือรอยยาวตามส่วนล่างของเต้านม จากวงปานนมถึงรอยพับของฐานนม และรอยตามขวางตามแนวรอยพับของฐานนมก็ได้
เสริมหน้าอก แบบไฮบริด (Hybrid)
เป็นการเสริมหน้าอกทำนมที่รวมเอาสองเทคนิคเข้าด้วยกันเพื่อลดข้อเสียของการเสริมหน้าอกทั้งสองอย่าง โดยการเสริมหน้าอก Hybrid นี้ จะเป็นการผสานระหว่าง การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน และการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น ตามที่คนไข้ต้องการ ในกรณีที่คนไข้พื้นฐานเดิมเป็นคนมีเนื้อหน้าอกน้อยมาก ผอมจนเห็นสันกระดูกชัดเจน การใช้เทคนิค Hybrid จะช่วยให้มีเนื้อคลุมซิลิโคนทำให้หน้าอกมีความเป็นธรรมดา ไม่โป๊ะ ช่วยให้รูปทรงของหน้าอกเข้ามาชิดกันจับแล้วไม่พบขอบของซิลิโคนหน้าอก
ข้อดีของการเสริมหน้าอกแบบไฮบริด
- สามารถเพิ่มขนาดหน้าอก หลาย ๆ ไซส์ได้ในครั้งเดียว
- หน้าอกได้รูป ดูเต่งตึง เป็นทรงสวยงาม
- เนินเต็ม อกอิ่ม สัมผัสนิ่ม ไม่เป็นก้อนแข็ง
- ช่วยให้หน้าอกที่เคยเสริมด้วยซิลิโคนมาแล้ว สวยงามมากขึ้น
- ให้สัมผัสที่เหมือนหน้าอกจริงมากกว่าการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียว
ข้อสังเกตของการเสริมหน้าอกแบบไฮบริด
- อาจจะมีอาการเจ็บบริเวณหน้าอก และบริเวณที่ดูดไขมัน
- ไขมันที่เติมเข้าไป อาจยุบตัวลงได้
หากคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้
✅ไขมันที่เติมเข้าไป อาจยุบตัวลงได้
✅หน้าอกค่อนข้างเล็ก แต่มีไขมันส่วนเกินในบริเวณอื่น
✅ต้องการเสริมหน้าอกเพียงเล็กน้อย ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
✅ต้องการเสริมหน้าอก แต่ไม่อยากมีรอยแผลผ่าตัดขนาดใหญ่
✅เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้ว แต่อยากเติมเต็มและแก้ไขจุดบกพร่องบางส่วน
ทำไมต้องที่ CHARN CLINIC
1. เรามีศัลยแพทย์ที่ชำนาญ ใส่ใจทุกรายละเอียด ได้รับการรับรองโดยแพทยสภา |
2. เรามีห้องที่ใช้ในการผ่าตัด และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน |
3. เรามีเทคโนโลยี ที่ให้คุณเห็นภาพผลลัพธ์สุดท้ายได้ก่อนการเข้าทำศัลยกรรมจริง |
4. เรามีวิสัญญีแพทย์ ที่ทำให้คุณหลับระหว่างผ่าตัด |
5. เรามีเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะตัว ที่ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อย แผลสวย หายไว |
6. เรามีมาตรฐานการให้บริการระดับ Exclusive ให้คุณได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด |
PROCEDURE
ระยะเวลาที่ใช้ผ่าตัด
✅ 3 ชั่วโมง
การให้ยาชา
✅ ดมยาสลบ
การค้างคืน
✅ ไม่ต้องค้างคืน
ระยะพักฟื้น
✅ สามารถกลับไปทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ แต่มีข้อจำกัดบริเวณที่ดูดไขมัน
อาการบวม
✅ บรรเทาลงประมาณ 3-4 วัน (แผลดูดไขมัน) ส่วนบริเวณหน้าอก จะเข้าที่ประมาณ 2 สัปดาห์
การการติดตามผล
✅ 1 สัปดาห์ (ตัดไหมแผลดูดไขมัน) / 1 เดือน / 3 เดือน / 6 เดือน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
✔งดการดื่มน้ำและรับประทานอาหาร 8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
✔งดทานวิตามินเสริมทุกชนิด 1 เดือน ก่อนการผ่าตัด
✔งดสูบบุหรี่ 1 เดือน ก่อนและหลังการผ่าตัด
✔งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์ ก่อนและหลังการผ่าตัด
✔ควรงดแต่งหน้าในวันที่เข้ารับการผ่าตัด หรือไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่ทำความสะอาดยาก
✔หากมีโรคประจำตัว, ใช้ยาโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดทำการผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
✅ดูแลแผลผ่าตัดให้แห้งอยู่เสมอ ห้ามแผลดูดไขมันโดนน้ำ 48 ชั่วโมง
✅ควรใส่ชุดกระชับบริเวณที่มีการดูดไขมันไว้ตลอดในระยะ 3 เดือนแรกหลังการผ่าตัด
✅ควรใส่ Support Bra ไว้ตลอดในระยะ 3 เดือนแรกหลังการผ่าตัด เพื่อรักษารูปทรงของหน้าอกให้กระชับ และลดอาการบวม
✅หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือการอาบน้ำในอ่าง 1 เดือนหลังการผ่าตัด
✅หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น อบไอน้ำ ซาวน่า เป็นเวลา 1 เดือนหลังการผ่าตัด
✅งดการออกกำลังกายหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่กระทบกระเทือนแผล 1 เดือนหลังการผ่าตัด